You are currently viewing สรุปความรู้ธรรมะแบบง่ายๆ

สรุปความรู้ธรรมะแบบง่ายๆ

0 0
Read Time:5 Minute, 18 Second

สรุปความรู้เกี่ยวกับธรรมะง่ายๆ

อริยสัจ4

ความโชคดีของมนุษย์

       การเกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก ยิ่งมาเธอพระพุทธศาสนานั้นยิ่งยากกว่า เราแสนโชคดีนักที่ได้เกิดมาเจอพระพุทธศาสนา แต่คนจำนวนไม่น้อยก็ไม่ได้สนใจหรือศึกษา เสียโอกาสที่จะได้สัมผัสความสุขที่ยอดเยี่ยมไปอย่างน่าเสียดาย การเกิดเป็นมนุษย์ได้ประสบกับทุกข์และสุขของจริง การเข้าใจในธรรมะก็เปรียบเสมือนคู่มือนำทางไปยังขุมทรัพย์ที่ไม่มีอะไรเทียบได้

มนุษย์เกิดมาทำไม

    จริงๆแล้วต้องถามว่าเราเกิดมาเพราะอะไร สิ่งมีชีวิตเกิดมาเพราะมีความไม่รู้เป็นเหตุ มีกรรมเป็นต้นทุน เราเกิดมาเพื่อสร้างกรรม และส่งต่อผลของกรรมต่อไปเรื่อยๆอย่างไม่มีสิ้นสุข แต่หากจะถามว่าเกิดมาทำไม คงตอบได้ว่าเกิดมาเพื่อทำให้ “จิตบริสุทธิ์ ปราศจากกิเลส เพื่อจะได้พบความสุขที่แท้จริง”

    แต่หากคิดว่าเกิดมาเพื่อหาความสุข ก็ไม่ผิด แต่ก็ต้องดูว่าความสุขนั้นเป็นความสุขแบบไหน เกิดจากการกระทำที่ผิดศีลหรือไม่ และแน่นอนว่าหากเป็นการกระทำที่ผิดศีล จิตจะต้องรับความทุกข์ในอีกทางหนึ่งอย่างแน่นอน แต่หากเป็นความสุขที่เกิดจากกุศลนั้นก็เป็นสุขที่ประเสริฐ และเป็นสิ่งที่ควรปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง

พระพุทธเจ้าสอนอะไร

     พระพุทธเจ้าทรงสอน “วิธีแก้ทุกข์” อย่างมีเหตุมีผล ด้วยการเข้าใจ “อริยสัจ 4” อริยะ แปลว่า ประเสริฐ สัจ แปลว่า ความจริง อริยสัจ 4 ก็คือ ความจริงอันประเสริฐ 4 ประการ ได้แก่ ทุกข์ สมุทัย (เหตุแห่งทุกข์) นิโรธ (การดับไปแห่งทุกข์) มรรค (หนทางดับทุกข์)

เป้าหมายของศาสนาพุทธ

เป้าหมายของศาสนาพุทธ คือ “การพ้นทุกข์” โดยการทำให้จิตหมดสิ้นกิเลส ด้วยวิธีการปฏิบัติตามมรรค 8 (เส้นทางการดับทุกข์)

ทุกข์ คือ อะไร

ทุกข์ คือ สภาวะที่ทนอยู่ได้ยาก ทนอยู่ในสภาพเดิมไม่ได้ สรุปคือการยึดมั่นในขันธ์ 5 ได้แก่ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

ทุกข์ มีอะไรบ้าง

  1. ทุกข์ประจำสังขาร เกิด แก่ ตาย ทุกคนต้องเจอ
  2. ทุกข์จร ความแห้งใจ (ความพิบัติ) ความคร่ำครวญ (คิดถึง) ความทุกข์กาย(เจ็บ) ความคับแค้น ความเสียใจ เจอกับสิ่งที่ไม่รัก พลัดพรากสิ่งที่รัก ไม่ได้สิ่งที่ต้องการ
  3. ทุกข์เนืองนิจ หนาว ร้อน หิว กระหาย อุจาระ ปัสสาวะ

ทุกข์ เกิดจากอะไร

ทุกข์ เกิดจาก การยึดมั่นสิ่งต่างๆว่าเป็นตัวเราของเรา ซึ่งสิ่งต่างๆทุกอย่างรอบตัวเรานั้นมีการแปรเปลี่ยนไปอยู่ตลอดเวลา โดยมีเวลาเป็นสิ่งที่กำหนด ซึ่งแม้กระทั่งชีวิตของเราเองสุดท้ายก็ต้องจากสิ่งต่างๆไปเช่นเดียวกัน

วิธีการแก้ทุกข์

การแก้ทุกข์ ต้องแก้ที่ต้นเหตุ หากจะมองให้ลึกลงไปถึงต้นเหตุของทุกข์นั้นก็คือความไม่รู้ หรืออวิชชานั่นเอง แล้วจะทำอย่างไรให้เข้าใจธรรมชาติตามความเป็นจริง พระพุทธเจ้าได้อธิบายโดยละเอียด ทั้งวิธีการ และเหตุผลของสิ่งที่เราควรกระทำ คือการเข้าใจว่าสิ่งต่างๆ (ขันธ์ 5) นั้นไม่ควรยึดมั่นถือมั่น

ขันธ์ 5

  1. รูป ธาตุต่างๆ ดิน น้ำ ลม ไฟ ที่มาประกอบกันเป็นสิ่งต่างๆ
  2. เวทนา ความรู้สึก สุข ทุกข์ เฉยๆ
  3. สัญญา ความจำได้ รูป นาม ว่าสิ่งต่างๆคืออะไร
  4. สังขาร ความคิดปรุงแต่ง สวย ไม่สวย กุศล อกุศล
  5. วิญญาณ จิตที่เป็นผู้รับรู้

ตัณหา 3 ประการ

  1. กามตัณหา อยากได้สิ่งของต่างๆ บ้าน รถ เงิน ทอง ผู้หญิง
  2. ภวตัณหา อยากเป็นอยู่ในฐานะที่พอใจ ตำแหน่งหน้าที่ ความสุข
  3. วิภวตัณหา อยากพ้นจากฐานะที่ไม่พอใจ ความยากจน ความทรมาน

กิเลส 3 ระดับ

  1. กิเลสหยาบ การกระทำทางกาย ทำบาป ผิดศีล
  2. กิเลสระดับกลาง ความรุ่มร้อนใจ ความอยากในตัณหา 
  3. กิเลสละเอียด กิเลสที่รอปะทุเมื่อมีสิ่งกระทบ ความโลภ ความโกรธ ความหลง

ความสุข คืออะไร มีอะไรบ้าง

สภาวะที่สบาย ไม่ต้องดิ้นรน ไม่รู้สึกเดือดร้อน ไม่อยากให้แปรเปลี่ยนไป

  1. สามิสสุข กามสุข สิ่งของเครื่องใช้ ลาภ ยศ สรรเสริฐ (ต้องพึ่งปัจจัยภายนอก)
  2. นิรามิสสุข ความสบายใจ ความสงบ ความไม่มีศัตรู ความไม่วิตกกังวล ความอิ่มใจ (ไม่พึ่งปัจจัยภายนอก)

ข้อเสียความสุขจากการพึ่งวัตถุภายนอก

การมีความสุขแบบ สามิสสุข นั้น จะต้องพึ่งปัจจัยภายนอกเนื่องจากเป็นสิ่งที่เราต้องขวนขวายหามาจากผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็น เงิน คู่ครอง ตำแหน่ง สิ่งของเครื่องใช้ เป็นสิ่งที่ต้องแลกมาด้วยการกระทำต่างๆ ซึ่งหากเรากระทำอกุศลเพื่อแลกกับสิ่งต่างๆนั้น จะเกิดผลกรรมที่เป็นกรรมไม่ดีซึ่งจะส่งผลร้ายต่อเราทั้งในปัจจุบันและอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ส่วนความสุขแบบนิรามิสสุขนั้น เกิดจากการทำสมาธิ กำหนดรู้สติ เข้าใจในความเป็นไปของธรรมชาติ เป็นกรรมดีซึ่งจะส่งผลดีทั้งในปัจจุบันและอนาคต เป็นสิ่งประเสริฐไม่มีผลร้าย

วิธีมีความสุขแบบไม่พึ่งปัจจัยภายนอก (นิรามิสสุข)

  1. นั่งสมาธิ การทำจิตใจให้จดจ่ออยู่กับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น ลมหายใจ 
  2. การมีสติ สัมปชัญญะ รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่ จะแก้ปัญหาอย่างไร สิ่งที่ทำเป็นกุศลหรือไม่

วิธีการนั่งสมาธิ พิจารณาสติปัฎฐาน

  1. พิจารณากาย ให้สติอยู่กับกาย ได้แก่ 1.1 พิจารณาลมหายใจ สั้นยาว 1.2 พิจารณาร่างกาย ยืน เดิน นั่งนอน 1.3 พิจารณาการขยับของร่างกาย 1.4 พิจารณาว่าร่างกายเป็นของไม่สะอาด 1.5 พิจารณาว่าร่างกายเป็นที่ประกอบของธาตุ4 1.6 พิจารณาซากศพที่ถูกทิ้งไว้
  2. พิจารณาเวทนา ให้สติอยู่กับความรู้สึก ได้แก่ ความรู้สึกสุข ทุกข์ เฉยๆ ว่าเกิดขึ้นจากอะไร หายไปอย่างไร เกิดขึ้นใหม่อย่างไร
  3. พิจารณาจิต ให้สติอยู่กับจิต ได้แก่ รู้ว่าจิตมีราคะ โทสะ โมหะ หดหู่ ฟุ้งซ่าน ง่วงเหงา ลังเลสงสัย เปลี่ยนไปมา ดับเกิด ไม่แน่นอน
  4. พิจารณาธรรม ให้สติอยู่กับธรรม ได้แก่ นิวรณ์ 5 , อุปาทานขันธ์ 5 , อายตนะ 6 , โภชฌงค์ 7 , อริยสัจ 4 , มรรค 8

อานิสงค์ การพิจารณาสติปัฎฐาน

  1. จิตผ่อนคลาย หายเครียด
  2. ไม่ฟุ้งซ่านกับสิ่งเร้ารอบตัว
  3. มีสมาธิกับการทำงานได้ดีขึ้น
  4. พัฒนาตัวเอง การกระทำ คำพูด ความคิด
  5. มีสติอยู่กับตัว แก้ไขปัญหาได้ถูกต้อง
  6. เกิดความสุขใจ อิ่มใจ
  7. สุขภาพกายดีตามไปด้วย
  8. จิตบรรลุ คลายกำหนัด หมดกิเลส
Happy
Happy
0 %
Sad
Sad
0 %
Excited
Excited
0 %
Sleepy
Sleepy
0 %
Angry
Angry
0 %
Surprise
Surprise
100 %

Average Rating

5 Star
0%
4 Star
0%
3 Star
0%
2 Star
0%
1 Star
0%